การประเมินผลหลักสูตร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นการวัดผลของหลักสูตรว่าการนำหลักสูตรไปใช้มีความเหมาะสมหรือไม่
หรือมีอุปสรรคใดๆระหว่างการนำหลักสูตรไปใช้
นอกจากนี้ยังเป็นการประเมินว่าส่วนไหนของหลักสูตรควรยกเลิกหรือควรแก้ไขปรับปรุงประการใด โดยการประเมินหลักสูตรจะต้องประเมินทั้งตัวหลักสูตร การนำหลักสูตรไปใช้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและระบบหลักสูตรโดยมีนักการศึกษาและนักพัฒนาหลักสูตรหลายรายได้นำเสนอรูปแบบการประเมินผลหลักสูตร
รูปแบบการประเมินผลหลักสูตรที่สำคัญและได้รับการยอมรับกว้างขวางมีดังนี้คือการใช้เทคนิกวิเคราะห์แบบปุยแซงค์
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์ รูปแบบการประเมินหลักสูตรของแฮมมอนด์
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสคริฟเวน รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของโพรวัส และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม
การใช้เทคนิกวิเคราะห์แบบปุยแซงค์
การใช้เทคนิกวิเคราะห์แบบปุยแซงค์ (อังกฤษ: Puissance
Analysis Technique) เป็นการประเมินหลักสูตรที่ใช้สำหรับหลักสูตรที่มีการจัดทำขึ้นใหม่โดยเน้นวิเคราะห์องค์ประกอบหลักสูตร
3 ประการคือ จุดมุ่งหมาย
กระบวนการเรียนรู้และการประเมินผลการเรียนรู้การวิเคราะห์คุณภาพของหลักสูตรตามเทคนิกการวิเคราะห์ของปุยแซงค์นั้นจะนำองค์ประกอบย่อยในส่วนต่างๆมาคำนวณในตารางวิเคราะห์ปุยแซงค์
แล้วคำนวณค่า Puissance Measurement (P.M.) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่าค่า P.M. มีค่าเท่ากับ 10
ขึ้นไป หลักสูตรนั้นจะถือได้ว่าเป็นหลักสูตรที่มีคุณภาพ
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์ หรือ
รูปแบบวัตถุประสงค์เป็นศูนย์กลาง (อังกฤษ: Tyler’s Objectives-Centered
Model) คิดขึ้นขึ้นโดยราล์ฟ ไทเลอร์โดยเป็นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่พิจารณาเป้าหมายเป็นหลัก สำหรับการประเมินหลักสูตรตามจะพิจารณาจากความสัมพันธ์ของจุดมุ่งหมาย
ประสบการณ์เรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ นอกจากนี้ยังเน้นประเมินถึงศักยภาพและจุดเด่นจุดด้อยของตัวหลักสูตรเป็นหลักมากกว่าที่จะเน้นผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
เพื่อดูว่าหลักสูตรนั้นสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่ตั้งไว้ได้หรือไม่
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของแฮมมอนด์
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของแฮมมอนด์ (อังกฤษ: Hammond’s
Model) ได้รับการคิดค้นขึ้นโดยโรเบิร์ด แอล. แฮมมอนด์ โดยรูปแบบการประเมินหลักสูตรนี้เป็นรูปแบบที่เน้นพิจารณาเป้าหมายเป็นหลักการประเมินในรูปแบบนี้จะใช้สิ่งที่เรียกว่าลูกบาศก์
3 มิติในการประเมิน ซึ่งประกอบไปด้วยมิติด้านการเรียนการสอน
มิติด้านสถาบันและมิติด้านพฤติกรรม โดยนิยมใช้รูปแบบนี้ประเมินในช่วงที่กำลังใช้หลักสูตรอยู่
เพื่อหาทิศทางการพัฒนาและกำหนดทิศทางในอนาคต
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (อังกฤษ: Stake’s
Responsive Model) ได้รับการคิดค้นขึ้นโดยโรเบิร์ต สเตค เป็นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่เน้นเกณฑ์เป็นหลัก โดยในการประเมินหลักสูตรตามรูปแบบนี้จะเน้นการใช้ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นการประเมินใน 3 องค์ประกอบหลักซึ่งมีความสัมพันธ์กันคือการประเมินสิ่งที่มีอยู่ก่อน
การประเมินการดำเนินการและการประเมินผลผลิต
โดยใช้ทักษะการประเมินเชิงคุณภาพในการประเมิน
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของโพรวัส
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของโพรวัส (อังกฤษ: Provus’s
Discrepancy Evaluation Model) ได้รับการคิดค้นขึ้นโดยมัลคอม โพรวัส
ในปี ค.ศ. 1969โดยเป็นรูปแบบการประเมินที่เน้นการรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีขั้นตอนในการประเมินหลักๆอยู่ 5 ขั้นตอนคือการตั้งเกณฑ์มาตรฐาน
รวบรวมผลการปฏิบัติ เปรียบเทียบกับเกณฑ์ จำแนกความแตกต่าง และตัดสินใจ ส่งผลให้ช่วยในการตัดสินใจได้ว่าหลักสูตรที่ใช้แล้วนั้นควรปรับปรุงใหม่หรือยกเลิกหลักสูตรนั้น
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสคริฟเวน
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสคริฟเวน (อังกฤษ: Scriven’s
Goal-Free Model) ได้รับการคิดค้นขึ้นโดยไมเคิล สคริฟเวน โดยเป็นรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรที่ไม่ยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ โดยผู้ประเมินจะต้องไม่เป็นผู้ที่มีสองสองมาตรฐาน โดยการประเมินนั้นจะประเมินผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งที่คาดหวังและไม่คาดหวัง อย่างไรก็ตามสคริฟเวนได้เสนอว่าการประเมินในรูปแบบนี้ควรใช้เป็นการประเมินเสริมไม่ใช้การประเมินหลัก
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีมหรือซีไอพีพีโมเดล
(อังกฤษ: Stufflebeam’s
Context,
Input, Process, Product Model) ได้รับการคิดค้นขึ้นโดยดานิเอล
สตัฟเฟิลบีม เป็นรูปแบบการประเมินที่เน้นการรวบรวมข้อมูลสำหรับรูปแบบการประเมินรูปแบบนี้เป็นการประเมินหลักสูตรแบบครบวงจรและครบทุกด้านเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรในครั้งต่อไป
โดยการประเมินตามแนวของสตัฟเฟิลบีมนั้นจะประเมินสภาวะแวดล้อม ปัจจัยนำเข้า
กระบวนการและผลผลิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น